สาเหตุ อาการ ของหนังตาตก (Ptosis) และวิธีรักษาที่ช่วยฟื้นฟูการมองเห็น
ภาวะหนังตาตก (Ptosis) อาจส่งผลต่อการมองเห็นและบุคลิกภาพ ค้นหาสาเหตุ อาการ วิธีการรักษา และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูแลดวงตา
SLE หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อหลายอวัยวะ พร้อมเรียนรู้สาเหตุ อาการ วิธีการรักษา และการดูแลตัวเองเพื่อควบคุมโรคให้อยู่หมัด
โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการแพทย์ว่า Systemic Lupus Erythematosus (SLE) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ส่งผลให้เกิดการอักเสบและทำลายเนื้อเยื่อตัวเองในหลายระบบของร่างกาย โรค SLE นี้เป็นโรคเรื้อรังที่ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยการรักษาอย่างต่อเนื่องและการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม โรคนี้มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยเจริญพันธุ์
แม้ว่าสาเหตุที่แน่ชัดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่นักวิจัยเชื่อว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลให้เกิดโรคนี้
บุคคลที่มีญาติสายตรง (เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง) เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค SLE มักมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นโรคนี้เช่นกัน โดยพบว่ามียีนบางชนิดที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดโรค
พบว่าผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงตั้งครรภ์หรือช่วงมีประจำเดือน
การสัมผัสแสงแดดจ้า หรือสารเคมีบางชนิด อาจกระตุ้นให้เกิดโรค รวมถึงการสูบบุหรี่และมลพิษในอากาศก็อาจเพิ่มความเสี่ยงได้
บางครั้งการติดเชื้อไวรัสอาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะไวรัสในกลุ่ม Epstein-Barr virus
อาการมีความหลากหลายและอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล อาการที่พบบ่อยได้แก่
นอกจากนี้ยังอาจพบอาการอื่นๆ เช่น แผลในปาก อาการแห้งตาแห้งปาก (Sjögren’s syndrome) หรือภาวะ Raynaud’s phenomenon ที่ทำให้ปลายนิ้วเปลี่ยนสีเมื่อสัมผัสความเย็น
การวินิจฉัยโรคนี้ อาศัยโดยการตรวจร่างกาย ประวัติอาการ และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งรวมถึง
แพทย์จะใช้เกณฑ์การวินิจฉัยของ American College of Rheumatology ร่วมกับอาการทางคลินิกและผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรค
แม้ว่าโรคนี้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีวิธีการรักษาเพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การรักษาจะปรับเปลี่ยนตามความรุนแรงของโรคและอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสม
ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวดังนี้เพื่อควบคุมอาการและป้องกันการกำเริบของโรค
โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE เป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก แม้จะยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่ด้วยการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม ผู้ป่วย SLE สามารถควบคุมอาการของโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ การตระหนักรู้ถึงอาการเบื้องต้นและการพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากโรค SLE ได้
ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันทำให้ผู้ป่วย SLE มีทางเลือกในการรักษามากขึ้น และสามารถมีชีวิตที่ใกล้เคียงปกติได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดกับแพทย์ยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วย SLE ทุกราย
ไม่ SLE ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเอง
ผู้ป่วย SLE สามารถตั้งครรภ์ได้ แต่ต้องวางแผนร่วมกับแพทย์อย่างรอบคอบ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าปกติ
อาหารอาจมีผลต่อการอักเสบในร่างกาย ผู้ป่วยควรเน้นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ลดอาหารแปรรูปและอาหารที่มีไขมันสูง
สามารถออกกำลังกายได้และควรทำอย่างสม่ำเสมอ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย