รู้ทัน! เวียนหมุนจากโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน (BPPV)

รู้จักโรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (BPPV) สาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และวิธีการรักษา พร้อมเคล็ดลับการดูแลตัวเอง อ่านเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนอย่างมีประสิทธิภาพ!

อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน เป็นอาการที่สร้างความทรมานและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของใครหลายคน หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยคือ โรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน หรือ Benign Paroxysmal Positional Vertigo (BPPV) บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของโรค BPPV ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การวินิจฉัย ไปจนถึงวิธีการรักษาและป้องกัน เพื่อให้คุณเข้าใจและรับมือกับอาการนี้ได้อย่างถูกต้อง

เวียนหัว vs. บ้านหมุน : สองอาการที่แตกต่างกัน

หลายคนมักสับสนระหว่างอาการ “เวียนหัว” และ “บ้านหมุน” เนื่องจากเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกไม่สบายศีรษะ แต่ทั้งสองอาการมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

บ้านหมุน (Vertigo) : โลกหมุนรอบตัว

  • ลักษณะอาการ : ความรู้สึกว่าตัวเองหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวกำลังหมุน เคลื่อนที่ หรือเอียง แม้ว่าตัวเองจะอยู่นิ่งๆ อาการมักเป็นแบบเฉียบพลันและเป็นระยะเวลาสั้นๆ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก หรือเสียสมดุลร่วมด้วย
  • สาเหตุ : มักเกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทรงตัว เช่น โรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (BPPV) , โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s disease) หรือการอักเสบของเส้นประสาททรงตัว (Vestibular neuritis) นอกจากนี้ อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หรือเนื้องอกในสมอง
  • คำอธิบายเพิ่มเติม : อาการบ้านหมุนมักรุนแรงกว่าเวียนหัว และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่า เช่น ทำให้เดินเซ ทรงตัวลำบาก หรือทำงานไม่ได้

เวียนศีรษะ (Dizziness) : มึนงง ไม่มั่นคง

  • ลักษณะอาการ : ความรู้สึกมึนๆ งงๆ วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด โคลงเคลง หรือรู้สึกไม่มั่นคง แต่ไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองหรือสิ่งแวดล้อมหมุน อาการอาจเป็นแบบต่อเนื่องหรือเป็นๆ หายๆ
  • สาเหตุ : เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความดันโลหิตต่ำ ภาวะขาดน้ำ ภาวะโลหิตจาง ผลข้างเคียงจากยา การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด หรือโรคอื่นๆ เช่น ไมเกรน โรคหัวใจ หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
  • คำอธิบายเพิ่มเติม : อาการเวียนศีรษะมักไม่รุนแรงเท่าบ้านหมุน และมักไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก แต่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ไม่เต็มที่

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างบ้านหมุนและเวียนศีรษะ

ลักษณะอาการบ้านหมุน (Vertigo)เวียนศีรษะ (Dizziness)
ความรู้สึกรู้สึกว่าตัวเองหรือสิ่งแวดล้อมหมุนรู้สึกมึนงง โคลงเคลง ไม่มั่นคง
ความรุนแรงรุนแรง มักส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันไม่รุนแรง มักไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก
อาการร่วมคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก เสียสมดุลอาจมีหน้ามืด อ่อนเพลีย
สาเหตุความผิดปกติของหูชั้นในหรือระบบประสาทส่วนกลางหลายสาเหตุ เช่น ความดันโลหิตต่ำ ภาวะขาดน้ำ ผลข้างเคียงจากยา
เปรียบเทียบระหว่างอาการเวียนหมุน (Vertigo) และเวียนหัวธรรมดา (Dizziness) ในสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง
กราฟิกแสดงความแตกต่างของ Vertigo และ Dizziness พร้อมฉากหลังในเมืองและธรรมชาติ

ทำความเข้าใจกับระบบทรงตัวของร่างกาย

ก่อนจะพูดถึง BPPV เรามาทำความเข้าใจระบบทรงตัวของร่างกายกันก่อน ระบบนี้ทำงานร่วมกันของอวัยวะหลายส่วน ได้แก่ หูชั้นใน ตา และระบบประสาทรับความรู้สึก (Proprioception) โดยเฉพาะหูชั้นในมีส่วนสำคัญในการรักษาสมดุล มีอวัยวะที่เรียกว่า Otolith organs ซึ่งประกอบด้วย Utricle และ Saccule ภายในมีผลึกแคลเซียมคาร์บอเนตเล็กๆ หรือที่เรียกว่า Otoconia หรือ “หินปูน” ทำหน้าที่รับรู้การเคลื่อนไหวของศีรษะ

โรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (BPPV) คืออะไร?

BPPV เกิดจากตะกอนหินปูนเหล่านี้เคลื่อนหลุดออกจากตำแหน่งปกติใน Utricle และเข้าไปใน semicircular canals ซึ่งเป็นท่อครึ่งวงกลมในหูชั้นในที่รับรู้การหมุนของศีรษะ เมื่อศีรษะเคลื่อนไหว ตะกอนหินปูนที่อยู่ในท่อครึ่งวงกลมจะกระตุ้นเซลล์ขนรับความรู้สึก ทำให้เกิดสัญญาณผิดปกติไปยังสมอง ส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน

อาการของ BPPV

อาการเด่นของ BPPV คือ อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนแบบเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทางของศีรษะ เช่น

  • ลุกจากที่นอน
  • ก้มเงย
  • พลิกตัวขณะนอน
  • เงยหน้ามองขึ้นด้านบน

อาการเวียนศีรษะมักเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1 นาที แต่อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเสียสมดุลร่วมด้วย อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นซ้ำๆ เมื่อมีการเคลื่อนไหวศีรษะในลักษณะเดิม

สาเหตุของ BPPV

ส่วนใหญ่มักไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น

  • อุบัติเหตุที่ศีรษะ
  • โรคของหูชั้นใน
  • การผ่าตัดหู
  • อายุที่มากขึ้น (พบมากในผู้สูงอายุ)
  • โรคอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน กระดูกพรุน และภาวะขาดวิตามินดี

การวินิจฉัย BPPV

แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และทำการทดสอบเฉพาะเพื่อวินิจฉัย BPPV เช่น

  • Dix-Hallpike test : เป็นการทดสอบที่กระตุ้นให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของลูกตา (Nystagmus) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ BPPV

การรักษา BPPV

การรักษาหลักของ BPPV คือ การทำกายภาพบำบัด หรือ Epley maneuver เป็นการจัดท่าทางของศีรษะเพื่อเคลื่อนตะกอนหินปูนกลับไปยังตำแหน่งเดิมใน Utricle ซึ่งมักได้ผลดีในการรักษาครั้งแรก นอกจากนี้ อาจมีการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนชั่วคราว แต่ไม่ใช่การรักษาหลัก

การป้องกัน BPPV

เนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่มักไม่ทราบแน่ชัด การป้องกันจึงทำได้ยาก แต่การดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการควบคุมโรคประจำตัว อาจช่วยลดความเสี่ยงได้

สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม

  • BPPV ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
  • อาการสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ แต่การทำ Epley maneuver ซ้ำมักช่วยให้อาการดีขึ้น
  • หากมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
ชายคนหนึ่งมีอาการเวียนศีรษะรุนแรงในห้องนั่งเล่น สื่อถึงโรค BPPV และการเวียนศีรษะจากหูชั้นใน

สรุป

โรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (BPPV) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ การสังเกตอาการ และการเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข