หนาวนี้ระวังโรคหัด

หนาวนี้ระวังโรคหัด

เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ผู้ที่ป่วยก็จะเกิดผื่นขึ้นตามผิวหนังพร้อมเป็นไข้ร่วมด้วย โดยโรคหัดเกิดจากไวรัสกลุ่มพารามิคโซไวรัส ที่จะสามารถแพรเชื้อและติดต่อกันได้ผ่านทางอากาศหรือการสัมผัสน้ำมูกและน้ำลายของผู้ป่วยโดยตรง ซึ่งเจ้าไวรัสนิแหละครับจะเข้ามาทางระบบทางเดินหายใจก่อนที่จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเรา โรคหัดถือเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนได้อย่างง่ายดาย

โรคหัดวัยเด็ก

จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะโรคนี้ก็เป็นโรคที่ร้ายแรงอยู่พอสมควร ในแต่ละปีก็จะมีเด็กเล็กเด็กแดงเสียชีวิตจากโรคหัดเป็นจำนวนที่เยอะมาก ถึงแม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันการเกิดโรคแล้วก็ตาม

อาการของโรคหัด

โดยทั่วไปแล้วอาการของโรคนี้ก็จะเกิดขึ้นภายใน 14 วันหลังจากที่เราได้รับเชื้อไวรัส ซึ่งอาการก็จะมีลักษณะเป็นไข้ตัวร้อน โดยผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัดในระยะเริ่มแรกอาจจะมีไข้มากถึง 40 องศาเซลเซียส โดยจะเริ่มเป็นไข้ประมาณ 10-12 วันหลังจากที่ได้รับเชื้อ อาการของผู้ป่วยอาจจะมีพวก น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ตาเยิ้มแดง และอาจจะมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นตรงกระพุ้งแก้มด้วย สำหรับอาการที่ออกทางด้านร่างกาย จะมีพวกผื่นขึ้นตามร่างกาย  โดยจะเป็นผื่นที่จะคันตามตัว มีลักษณะเป็นสีแดงออกน้ำตาลขึ้นเป็นจุดบนหน้าผากก่อน แล้วก็จะค่อยๆ ลุกล่ามไปทั่วร่างกายของเรา โดยอาการเหล่านี้ก็จะขึ้นประมาณ 3-5 วันก็จะหายกลับเป็นปกติ

การติดเชื้อไวรัสผ่านทางอากาศ

การที่เราได้ไปสัมผัสกับพวกน้ำลาย น้ำมูกของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้อยู่แล้ว เชื้อไวรัสนิแหละมันก็จะเข้ามาทางระบบทางเดินหายใจของเราและก็จะทำการแพร่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว

วิธีการรักษา

ในวัยเด็กเราจะต้องได้รับวัคซีนให้ครบถ้วน เพื่อที่จะได้ป้องกันโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวัคซีนที่ได้รับนั้นสำหรับทารกก็จะได้รับในช่วงอายุประมาณ 9-12 เดือนด้วยกัน และ รับวัคซีนอีกครั้งในช่วง 4-6 ปี

ขั้นตอนแรก ทางแพทย์ผู้ที่เชี่ยวชาญจะทำการตรวจเช็คก่อนว่าเราป่วยเป็นโรคหัดมีไข้ร่วมด้วยหรือไม่ และมีผื่นที่บนบริเวณผิวหนังหรือไม่ รวมถึงการเช็คอาการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การไอ การมีน้ำมูกไหล เจ็บคอ ตาแดง และอื่นๆ อีกมากมายทางแพทย์ก็จะนำเอาอาการเหล่านี้แหละมาวิเคราะห์และทำการตรวจโรค

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไปพบแพทย์อาจจะได้รับยาลดไข้ที่ไม่ใช่แอสไพริน และ ยาพาราเซตามอง เพื่อที่จะได้รับประทานบรรเทาอาการไข้ และ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ

ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ไม่ควรที่จะไปเรียนหรือไปทำงาน เพราะอาจจะทำให้ไปแพร่กระจายเชื้อกับคนอื่นก็ได้เหมือนกัน

ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัด

อันนี้ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน เพราะยิ่งถ้าหากเป็นเด็กเล็กๆ อาจจะทำให้เด็กขาดสารอาหารและมีภูมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนแอก็ได้ นอกจากนี้สำหรับสตรีที่กำลังตั้งท้องอยู่ ถ้าหากไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหัดและติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาอาจจะทำให้บุตรที่อยู่ในท้องก็อาจจะเสียชีวิตได้เหมือนกัน

วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อน

จะต้องรับประทานอาหารที่ดี กินอาหารเพื่อสุขภาพ และมีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ โดยการที่เราขาดน้ำก็เป็นภาวะของโรคหัดได้เช่นกัน

สำหรับการรักษาโรคหัด ถึงแม้ว่าในทุกวันนี้จะยังไม่มีตัวยาหรือวิธีทางการแพทย์ที่จะรักษาได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราสามารถที่จะบรรเทาอาการโรคหัดได้โดยการที่เราดื่มน้ำในปริมาณที่เยอะ อย่างน้อยๆ ก็จะอยู่ที่ 6-8 แก้วด้วยกัน ควรที่จะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่ร่างกายของเราจะได้เสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี อยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้ไม่ไอบ่อยและไม่มีอาการเจ็บคอ นอกจากนี้เราก็อาจจะหาพวกวิตามินต่างๆ มารับประทานร่วมก็ได้เช่นกัน ถ้าหากเราสามารถที่จะปฎิบัติตนเองให้ได้ในลักษณะแบบนี้ไม่เกิน 2 อาทิตย์ร่างกายของเราก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

หนาวนี้ระวังโรคหัด 02

การที่รับวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย

อาจจะมีผลข้างเคียงสามารถอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ เช่น อาการชัก หูหนวก สมองถูกทำลาย และ หมดสติแบบไม่รู้ตัว ในทางที่ดี เราก็ควรที่จะต้องทำการปรึกษาแพทย์ก่อนการซีควัคซีนทุกครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะให้เราหลีกเลี่ยงได้ก็คือการดูแลรักษาสุขภาพให้ดี ยิ่งในช่วงหน้าหนาวนี้ก็จะทำให้เกิดเป็นโรคหัดกันง่ายมากยิ่งขึ้น ถ้าหากเป็นแล้วโรคนี้จะสร้างความทรมานให้กับร่างกายของเราได้เยอะจริงๆ และที่สำคัญ มันยังสามารถที่จะแพร่กระจายไปสู่คืนอื่นๆ ได้อีกด้วย เพื่อลดการแพร่กระจายที่ดีที่สุด ก็ควรที่จะต้องนอนพักผ่อนอยู่บ้าน ดื่มน้ำเยอะๆ และหลีกเลี่ยงที่จะอยู่รวมกับคนอื่น ถ้าหากไม่มีความจำเป็น เพราะอย่างที่รู้กันโรคหัดยิ่งในหน้าหนาวก็เป็นโรคที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน